น้อง แหย Product Manager


สวัสดีครับ ท่ามกลางอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อย สถานการณ์ในวงการยาก็มีพายุเข้ามาเรื่อยๆ หลายๆคนเริ่มมองหาหนทางในการPromoteตำแหน่งที่สูงขึ้น "Product Manager" หรือ เรียกย่อๆว่า PM ตำแหน่งนี้น่าสนใจและน่าทำ แต่หลายคนยังกังวลว่า อายุเราน้อยไปไหม, ต้องจบMBAหรือเปล่า, ทำไมคนในไม่ค่อยได้ Promote เป็น PM เลย

วันนี้ บริษัท Pharm Connection จำกัด ภูมิใจนำเสนอ "ภญ. อนุศรา โตเจริญบดี" หรือ "น้องแหย" นะครับ น้องแหย จบ คณะเภสัชศาสตร์  มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์  เภสัช มอ. รุ่น 23 น้องแหยPromoteเป็น Product Manager ก่อนอายุ30ปี น่าสนใจนะครับ เรามาฟังแนวคิดในการเป็นProduct Manager ของน้องแหยกันดีกว่าครับ

PC : สวัสดีครับ น้องแหยครับ PM หน้าที่หลักๆมีอะไรบ้างครับ

น้องแหย : หน้าที่หลัก ๆ ของ PM เลยก็คือ ทำอย่างไรให้ยาเราขายได้ตามเป้าหมาย ซึ่งการจะทำให้ยาขายได้ตามเป้าหมายนั้น PM ต้องวางแผนการตลาดทั้งหมด วางกลยุทธ์ของแบรนด์ ว่าจะอยู่ตรงไหน กลุ่มเป้าหมายคือใคร แล้วอะไรเป็นจุดขายที่เหนือกว่าคู่แข่ง เมื่อวางกลยุทธ์ได้ก็ต้องมาคิดวิธีการว่าจะทำอย่างไรให้ล้อไปกับกลยุทธ์ ต้องมีกิจกรรมทางการตลาดแนวไหน ที่มัน wow เหนือกว่าคู่แข่ง แล้วเลือกเราเป็น Top of mind  เราจะมี message อะไรที่สื่อสารกับลูกค้าแล้วกระแทกใจ  อันนี้เป็นภาพรวม ๆ ของนักการตลาด แต่จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่แค่นี้ มันยังต้องรวมถึงทักษะ ด้านบริหารจัดการอื่น ๆ เข้ามาอีก การบริหารต้นทุน บางทียามันมีหลาย item เราก็ต้องดูว่า SKU (item อาจจะหมายถึงความแรง ต่าง ๆ ก็ได้) ที่จะสร้างกำไรสูงสุด เมื่อเทียบกับต้นทุน หรือบริหารสินค้าคงคลัง การสั่งยาเข้าประเทศ (supply chain management) เพราะการสต๊อกเข้ามาเยอะ ก็เป็น cost และอายุยาอาจจะสั้น ขายไม่หมด หรือสั่งมาน้อยไปก็เป็นค่าเสียโอกาส ที่จะขายยาได้ PM ยังมีหน้าที่เป็นนักประสานงาน เพราะเราไม่ได้ทำงานตามลำพัง เราคิดกลยุทธิ์ แต่ทีมขายเป็นคนนำไปปฏิบัติ เราก็ต้องมีทักษะการสื่อสารที่ดี ที่จะอธิบาย หว่านล้อม ให้ทีมขาย คิดเหมือนกับที่เราคิด แล้วดำเนินงานไปด้วยกันอย่างราบรื่น ซึ่งจริง ๆ แล้ว การประสานงาน ยังมีอีกหลาย ๆ  แผนกที่ต้องทำงานร่วมกัน ยิ่งถ้าเป็นบริษัทใหญ่ ยังมีแผนก medical ที่คอยดูแลด้าน Academic ของยา ไม่ว่าจะเป็นการทำ Clinical trial หรือ การดูแลเนื้อหาที่เราจะสื่อสารกับลูกค้าให้เป็นไปตามหลักฐานเชิงประจักษ์

PC : เคล็ดลับยังไงครับ ที่ทำให้น้องแหยได้Promoteเป็น Product Manager ทั้งๆที่อายุน้อยอยู่เลยครับ

น้องแหย : ส่วนตัวแหยเองมาเป็น PM ได้ยังไง  แหยตั้งเป้าหมายให้กับตัวเองค่ะ หลังจากทำงานผู้แทนไม่นานว่า เออวันนึง เราคงต้องโตเป็น manager เนอะ จะเป็น Sales manager(SM) หรือ Product manager(PM) เดี๋ยวว่ากันอีกทีละกัน  อืมม แล้วทำยังไงละ ถึงจะได้เป็น manager ในวัยก่อน 30  มันคงต้องติดอาวุธอะไรให้ตัวเราเองหน่อยแล้ว เลยตัดสินใจเรียนต่อ ปริญญาโท ในประเทศ เรียนไปด้วยทำงานไปด้วย  และเลือกเรียนในมหาลัยที่มั่นใจว่าเรื่องการตลาดแข็งแห่งนึง
จริง ๆ แล้ว ในการทำงานโดยเฉพาะบริษัทใหญ่ ๆ ก็จะมีระบบเทรนนิ่ง ที่ดีที่ติดอาวุธให้เราอยู่ แต่การมีดีกรี ก็จะเป็นทางลัดให้เราไปได้เร็วขึ้นอีกทางนึง  และแหยก็ตัดสินใจไม่ผิด แม้การเรียนไปด้วยทำงานไปด้วยมันจะหนักมาก แต่มันเพิ่มพูนความรู้ด้านการบริหาร ทุก ๆ มิติ ให้เรามากขึ้น ในที่สุดแหยก็ได้เป็น manager ในวัย 27 ปี

PC : ทำไมถึงตัดสินใจเป็น Product Manager ละครับ

น้องแหย : ส่วนตอนนั้นที่เลือกเป็น PM  เราก็มาดูเนื้องาน ว่า SM กับ PM เค้าทำอะไร แล้วอะไรเหมาะกับ Strength ของเรา หลาย ๆ คนมองว่าเรามี communication ที่ดี เหมาะจะเป็นทีมขาย แต่ก็รู้ตัวว่า เรายังไม่สามารถบริหารคนได้ดี ซึ่ง SM ต้องบริหารจัดการทีมขายให้ได้  งานการตลาดก็เป็นงานที่สนุก เป็นการหาช่องทางหาโอกาส ที่ทำให้สินค้าของเราเป็นสินค้าที่ลูกค้าเลือกใช้ซ้ำ ๆ

PC : ทิ้งท้ายก่อนจากกัน น้องแหยมีอะไรฝากน้องๆที่อยากเป็น Product Manager ไหมครับ

น้องแหย : ตั้งแต่ทำงานเป็น PM มาประมาณ 4 ปี แม้จะเจอบางช่วงที่ต้องแก้ปัญหาหนัก ๆ เพื่อให้แบรนด์อยู่รอด ต้องหาทางเลือก และตัดสินใจให้เฉียบคม งานอาจจะดูหนัก และเอาเวลาส่วนตัวของเราไปเยอะ แต่เราก็ยังรู้สึกสนุกและชอบนะ เพราะมันฝึกให้เราคิดตลอดเวลาว่าสถานการณ์เปลี่ยน นโยบายรัฐเปลี่ยน คู่แข่งเปลี่ยน เราจะเอาตัวรอดอย่างไร เราได้เจอคนเยอะ ได้คุยกับหมอเก่ง ๆ ระดับประเทศซึ่ง เราทำงานแบบอื่น เราคงไม่มีโอกาส ได้แนวคิดไอเดีย จากคนเก่ง ๆ แบบนี้ ได้เดินทางเยอะไปเปิดโลกกว้าง แถมรายได้ก็ดึงดูด แหยเองเลยยังรักและทำต่อ แม้ว่าจะเจออุปสรรคเข้ามามายมายค่ะ

PC : ขอบคุณน้องแหยมากนะครับ สำหรับแนวคิดและแรงบันดาลใจดีๆให้กับน้องๆที่อยากจะเติบโตเป็น Product Manager ทุกๆคนนะครับ อายุอาจจะเป็นปัจจัยนึงในการเติบโต แต่ถ้าเราตั้งใจและเตรียมพร้อม โอกาสเติบโตเปิดกว้างรอทุกท่านเสมอครับ ดังที่มีคนเคยกล่าวไว้ว่า "โอกาสมีมาตลอด ขอแค่เราพร้อมและตั้งใจ เราก็จะคว้าโอกาสอันนั้นได้” ขอบคุณครับ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ทฤษฎีโครงสร้างการเล่าเรื่อง (Storytelling)

ตัวอย่าง Cover Letter ที่ถูกต้อง

น้องตูน MSL