น้องเจล Digital Marketing
สวัสดีพี่ๆน้องๆในวงการยาทุกท่านนะครับ กำลังจะผ่านเข้าสู่ช่วงปิดปีกันแล้วนะครับ หลายคนเริ่มเบื่อและมองหาลู่ทางใหม่ๆให้ชีวิต บางคนไปเรียนต่อ บางคนอยากPromoteบางคนอยากย้ายเขต บางคนอยากออกมาทำอะไรสักอย่างขายเอง แต่ก็คิดนั่นคิดนี่ไปหมดไม่ได้ทำสักที บางคนบอกว่าไม่มีเงิน ไม่มีเวลา ยิ่งช่วงนี้กระแส Slow life, Passive income ทำเอาพนักงานเงินเดือนอย่างพวกเราฝันหวาน อยาก Slow lifeอย่างเค้าบ้าง
วันนี้บริษัท Pharm Connection จำกัด ภูมิใจนำเสนอ น้องเจล น้องเค้าเป็นใคร อะไรยังไง มาทำความรู้จักน้องเจลกันดีกว่าครับ
PC: ก่อนอื่นเลยนะครับ อยากให้น้องเจลแนะนำตัวกับพี่ๆก่อนครับ
น้องเจล: สวัสดีครับผม ชื่อ เจล ปัณณวิชญ์ โชติเตชธรรมมณี ปัจจุบันศึกษาอยู่คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ชั้นปีที่ 6 ครับ (นศภ. ปี 6) ก่อนหน้านี้ผมเป็นเด็กติดเกมมาก่อนและได้ผันตัวมาเป็นนักขายของออนไลน์ครับ ซึ่งปัจจุบันนี้ได้เป็นวิทยากรสอน inspiration กลยุทธ์อ่านคนได้พิชิตใจเป็น หุ้น Forex เบื้องต้น และการตลาดออนไลน์ครับ รวมถึงเป็นเจ้าของเพจ
Line@ Jellywalker และ Balance ซึ่งมีผู้ติดตามรวมประมาณ
10 ล้านคนครับ และยังเป็น CEO เครื่องสำอาง&อาหารเสริมของ บจก.โชติปัณณวิชญ์ ด้วยครับ
PC: น้องเจลทำมาหลายอย่างเลย ตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ ว่าแต่มาทำงานตรงนี้ได้อย่างไร อะไรเป็นจุดเริ่มต้นของการขายของ online ครับ
น้องเจล: ต้องบอกก่อนเลยครับว่าผมเป็นเด็กหลังห้อง และเป็นเด็กติดเกม(หนักมาก)มาก่อน เรียนๆเล่นๆพอผ่านๆไป สอบแต่ละที ผมนี่อัจฉริยะข้ามคืนเลย ใช้เงินค่อนข้างเก่งและมักจะขอเงินพ่อแม่อยู่เสมอ จนวันนึงครับมาเจอคำพูดดูถูกจากคนๆนึงที่ทำให้ผมสะอึกชนิดที่ว่าต้องรีบกลั้นหายใจกินน้ำกันเลยทีเดียว นั่นแหละครับคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมหาอะไรทำเพื่อลบคำดูถูกผม
PC: นับว่าเป็นแรงผลักดันสร้างจุดเปลี่ยนได้อย่างดีจริงๆครับ น้องเจลครับ ช่วยเล่าคร่าวๆให้พี่ฟังหน่อยสิครับว่าจากวันนั้นถึงวันนี้ ธุรกิจที่ทำตอนนี้ ทำอะไรบ้าง แล้วประสบความสำเร็จอย่างไรบ้างครับ
น้องเจล: หลังจากที่ผมหาอะไรซักอย่างทำเพื่อมาลบล้างคำดูถูก ตอนนั้นเป็นช่วงปี 4 ผมก็ได้เริ่มทำธุรกิจ “นูสกิน” จากการชักชวนของเพื่อนสนิทครับ ซึ่งทำให้ผมได้รู้จักกับตลาดออนไลน์และเริ่มศึกษามัน จึงใช้ช่องทางนี้เป็นช่องทางหลักในการทำนูสกินของผม จนประสบความสำเร็จในระดับนึงเลยครับ และยังสอนให้ผมรู้ว่าการตลาดออนไลน์มีอิทธิพลมากขนาดไหนในปัจจุบัน ผมเริ่มทำออนไลน์จาก instagram, facebook, website และสุดท้ายมาลงที่ Line@ ในช่วงเมษายน 2558ที่ผ่านมาครับในนามของ @Jellywalker ซึ่งเมื่อผมทำมาระยะเวลานึง สังเกตเห็นว่าตลาดนี้โตไวมากและเรียกได้ว่ามีอิทธิพลต่อวงการออนไลน์เป็นอย่างมากเลย ผมจึงมีแนวคิดที่จะครองตลาดตรงนี้ จึงได้ทำแบรนด์สินค้าขึ้นมาภายใต้ชื่อของ Balance จำหน่ายเกี่ยวกับเครื่องสำอางและอาหารเสริมครับ ซึ่งยอดขายในออนไลน์เรียกได้ว่าถล่มทลายไม่ต่ำกว่า 200-300 กระปุกต่อวันเลยครับ ส่วนคำถามที่ว่าประสบความสำเร็จอย่างไร อันนี้ผมคิดว่า ประสบความสำเร็จ ในมุมมองของแต่ละคนต่างกันครับ แต่สำหรับผมคือการที่เราสามารถดูแลพ่อแม่ให้สบายได้ เท่านั้นแหละครับ
PC: การทำการตลาดonline นี่มีการพูดถึงมาสักระยะแล้วนะครับ การทำการตลาดผ่านไลน์ของนักการตลาดยุค digital ในมุมมองของน้องเจล แตกต่างหรือเหมือนกับคนอื่นอย่างไรครับ
น้องเจล: สมัยนี้โลกเรามันเปลี่ยนไปแล้วครับ ออนไลน์มีบทบาทเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าเป็นปัจจัยที่ 5 เลยก็ได้ครับ และปัจจุบันนี้ตลาดออนไลน์มีหลายรูปแบบมากครับ ผมเองก็เคยขายของออนไลน์มาก่อน เคยใช้ช่องทางมาหลายรูปแบบครับ เรียกได้ว่าเกือบจะครบทุกรูปแบบได้เลย แต่ลองสังเกตกันไหมครับว่าเวลาเราซื้อของหรือขายของออนไลน์ สมัยนี้ติดต่อกันผ่าน Line เป็นหลักเลย จริงไหมครับ?
ดังนั้นผมจึงมองว่าตลาดทาง Line มันเวิร์คมาก เพราะเป็นช่องทางหลักในของคนที่ขายของออนไลน์เลยก็ว่าได้ ซึ่งเท่าที่ผมได้ไปสำรวจมาในปัจจุบันคนไทยใช้ไลน์กันมากถึง 33 ล้านคนในประเทศครับ คิดเป็น 53% ของคนไทยทั้งหมด และยังเป็นอันดับ 2 ของโลกด้วย ตรงนี้นะครับต่อวันมีการรับส่งข้อความทางไลน์ถึง 1 หมื่นล้านข้อความเลยทีเดียว และยังมีการเล่นไทม์ไลน์ถึง 92 ล้านครั้งต่อวันด้วยครับ ซึ่งถ้าเราลงมาเล่นตลาดตรงนี้ เราลองมองภาพสิครับ ว่าเม็ดเงินส่วนมากในช่องทางออนไลน์อยู่ที่ไหน
ถ้าผมเปรียบเทียบให้ Line มีช่องทางสื่อสารคล้ายกับ Facebook เจ้าตัว Line@ เองก็เหมือนกับ page ของ Line ซึ่งเทียบได้กับ Page ของ Facebook ครับ แต่การตลาดในกลุ่ม Line@ พิเศษกว่าครับ เพราะสามารถส่งข้อความแบบเชิงรุกได้ด้วย คือสามารถส่งข้อความได้โดยตรงให้กับผู้ใช้งานที่ติดตามเราอยู่ครับ โดยจะได้รับทุกคน และการโพสไทม์ไลน์ก็จะสามารถมองเห็นได้ 100% ซึ่งจะแตกต่างจากการโพสไทม์ไลน์ของ facebook ที่มีคนเห็นเพียง 1% เท่านั้น และไม่สามารถส่งข้อความโดยตรงให้กับทุกคนที่ติดตามเราได้ครับ ซึ่งต่างจาก Line ลองนึกภาพตามผมนะครับ ถ้าเรามีผู้ติดตาม 1 ล้านคนแล้วเราส่งข้อความหาทั้งหมดได้ภายในคลิ๊กเดียว ในวันที่เรามีโปรโมชั่นโดนๆ ถูกใจคนส่วนใหญ่ ผมไม่อยากจะนึกเลย ฟินสิครับ
PC: มาถึงเรื่องการศึกษากันบ้างครับ ทำไมน้องเจลเลือกเรียนเภสัช ศิลปากร การเรียนเภสัชมีส่วนช่วยธุรกิจที่ทำอยู่ด้านไหนบ้างครับ
น้องเจล: จริงๆแล้วเป็นคนชอบคิดไม่ชอบจำครับ ถนัดด้านคณิตศาสตร์มากกว่า ตอนสอบเข้ามหาวิทยาลัยอยากจะเข้าเรียนคณะบริหาร แต่แล้วครับ… สมัครสอบไม่ทัน ก็เลยมาเลือกเรียนเภสัชครับ เพื่อต่อยอดธุรกิจทางบ้านซึ่งเป็นโรงงานผลิตเครื่องสำอางครับ (บจก.กิจโชคคอสเมติก2001) ส่วนที่เลือกเรียนศิลปากรหลักๆเลยคือใกล้บ้านครับ ผมได้เลือกสายสารสนเทศศาสตร์ทางสุขภาพ (Health Informatics) ครับ ซึ่งในภาคมีแค่ 4 คนเท่านั้นเอง เพราะว่าสายนี้ปกติไม่ค่อยมีคนเรียนกัน จะเป็นกึ่งเภสัชกึ่งโปรแกรมเมอร์ครับ ได้เรียนรู้เกี่ยวกับ Information Technology ต่างๆ ซึ่งสามารถต่อยอดธุรกิจออนไลน์ที่ผมทำอยู่ได้ด้วยครับ
PC: การทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย แบ่งเวลากับจัดการอย่างไร ให้ทั้งสองอย่างbalance
น้องเจล: “เวลา” ผมเชื่อว่าทุกคนมี 24 ชั่วโมงเท่ากันครับ แต่ขึ้นอยู่กับว่าใครจะเอาไปทำอะไรกี่ชั่วโมง ซึ่งตัวผมเองก็เรียนค่อนข้างหนักอยู่แล้ว แต่การแบ่งเวลาของผมจะดึงเวลาที่ผมคิดว่าไม่ค่อยจำเป็นออกครับ เช่น เวลาเล่น facebook เวลาเล่นเกม การนอนก็อยู่ประมานวันละ 6 ชั่วโมงครับ ซึ่งผมจะไม่นับรวมวันอาทิตย์ เพราะถือว่าเป็นวันที่ให้ผมได้พักผ่อนจริงๆ (ยกเว้นมีงานเข้ามา) ผมจะนำเวลาในส่วนนี้มาทำงานครับ แต่งานของผมอาจจะต่างจากใครหลายๆคน เพราะว่าผมสามารถทำเมื่อไหร่ ตอนไหน ที่ไหน ก็ได้ครับ เนื่องจากเป็นการทำออนไลน์ ปกติเวลาพักเที่ยงผมทานข้าวเสร็จก็จะเหลือเวลา ผมก็เอามาโพสสินค้าขายของหรือตอบลูกค้าครับ ถ้าผมทำไม่ไหวหรือไม่ว่างก็จะจ้างเพื่อนๆที่ต้องการหารายได้มาช่วยตอบลูกค้าแทนครับ ซึ่งทำให้ผมสามารถจัดการเวลาของผมให้ Balance ได้ครับ ซึ่งตรงตามชื่อแบรนด์สินค้าเลย
PC: ในฐานะนักธุรกิจรุ่นใหม่คิดอย่างไรกับวงการสุขภาพ และทำไมน้องเจลเลือกทำเครื่องสำอาง
น้องเจล : ผมมองว่าสมัยนี้ทุกอย่างเราต้องตามเทรนและตามความต้องการของตลาดครับ ซึ่งที่ผมสำรวจมาคือ 95%ของเม็ดเงินทั้งโลกจะตกอยู่ที่สุขภาพและความงามครับ ดังนั้นการทำอาหารเสริม-เครื่องสำอาง ผมคิดว่าทำยังไงก็ขายได้ครับ ขึ้นอยู่กับว่าเรามีไอเดียที่แตกต่างจากคนอื่นหรือเปล่า หรือการตลาดเราแน่นหรือเปล่า รวมถึงทางบ้านผมมีโรงงานผลิตเครื่องสำอางอยู่แล้ว จึงสามารถใช้ต่อยอดกับทางบ้านได้ครับ โดยผมก็คิดสูตรและจ้างที่บ้านผลิตอีกทีครับ เพราะผมอยากโตด้วยตัวผมเอง ไม่ใช่ให้คนอื่นมาบอกว่าที่บ้านมีทุนอยู่แล้วครับ ซึ่งตัวผมก็เริ่มจากทุนศูนย์แล้วสร้างขึ้นมาเองทั้งหมดครับโดยที่ไม่ขอเงินพ่อแม่เลยตั้งแต่ผมเริ่มทำงานมา และผมยังคิดว่าเครื่องสำอางเป็นที่ต้องการของคนทุกคนครับ เพราะทุกคนอยากดูดีกันทั้งนั้น อีกทั้งยังกำไรมหาศาลด้วยครับ
PC: น้องเจลวางแผนอะไรในอนาคตบ้างครับ
น้องเจล: หลังจากที่เรียนจบเภสัชศิลปากรแล้ว(สิ้นปี 2559) มีplanต่อว่าจะศึกษาปริญญาโทต่อ เกี่ยวกับเวชสำอางที่มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงครับ เพื่อนำมาต่อยอดกับธุรกิจที่ผมทำอยู่ เพราะผมคิดว่าผมยังไม่เก่งเท่าคนอื่นอีกหลายๆคน ผมจึงไม่หยุดพัฒนาตัวเองครับ ส่วนแผนระยะยาวในอนาคต ผมอยากเปิดมูลนิธิเพื่อคนยากไร้ครับ เช่น จ่ายค่ารักษาให้คนที่ไม่มีเงินจริงๆรักษาฟรี หรือผู้ด้อยโอกาสอีกหลายๆคนครับ หลายคนอาจมองว่าผมเสแสร้งหรือเปล่า แต่ผมบอกเลยครับว่าอันนี้ผมคิดจะทำจริงๆนานแล้วแต่ติดตรงที่ผมยังไม่มีเงินถึงขนาดไปทำแบบนั้นได้ ส่วนนึงเพราะผมเคยจนมาก่อน ผมจึงรู้ความรู้สึกตรงนี้ครับ "ความจนมันน่ากลัว แต่มันจะน่ากลัวกว่าถ้าเราจนแล้วไม่หาหนทางเพื่อหนีมันครับ"
PC: อยากฝากอะไรกับเพื่อนๆ พี่ๆในวงการสุขภาพครับ
น้องเจล : ตอนนี้เรากำลังเข้าสู่ยุคออนไลน์อย่างเต็มตัวครับ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจหรือว่าอาชีพแต่ละอาชีพ ต่างก็เกี่ยวข้องกับออนไลน์ได้ทั้งนั้น ซึ่งผมคิดว่าถ้าเรานำมันไปใช้ และสามารถดีไซน์มันออกมาได้อย่างถูกจุดแล้ว เราจะสามารถทำอะไรได้ดีกว่าเดิมที่เป็นอยู่ ณ ปัจจุบันแน่นอนครับ สุดท้ายนี้ผมขอฝาก mottoของผมนิดนึงครับ
“ผมอายุเท่าไหร่ไม่ใช่ประเด็น แต่ผมหาเงินเลี้ยงพ่อแม่เป็น นี่สิครับประเด็นสำคัญ!”
ขอบคุณครับ
เจล, ปัณณวิชญ์ โชติเตชธรรมมณี
PC: เป็นไงบ้างครับ สำหรับ Special Guest ของเราวันนี้ครับ คิดว่าเพื่อนๆพี่ๆน้องๆคงได้แรงบันดาลใจในการเริ่มต้นทำอะไรใหม่ให้ชีวิตเรานะครับ หรือ บางท่านอาจจะไปประยุกต์ใช้ในงานประจำก็ไม่เสียหายนะครับ เห็นน้องเจลคนเก่งแล้ว รู้สึกมีแรงบันดาลใจในการลุกขึ้นมาทำอะไรหลายอย่างที่เคยอยากทำเพื่อครอบครัวครับ อย่าลืมนะครับ เวลาไม่เคยคอยใคร รีบทำก่อนจะเสียใจครับ ขอบคุณครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น