น้องเอม นักเขียน หนังสือ เซียนคันโต
สวัสดีครับ พี่ๆน้องๆในวงการยาทุกท่านนะครับ อีกไม่กี่วันจะผ่านช่วงปีเก่าต้อนรับปีใหม่แก่ทุกๆท่านนะครับ ก็ขออวยพรให้ทุกท่าน ไม่เจ็บ ไม่จน ไม่ป่วย ไม่ไข้
เดินทางไปไหนมาไหนปลอดภัย ทุกท่านนะครับ เอ่ยถึงช่วงปีใหม่วันหยุดยาวอย่างนี้ สิ่งหนึ่งที่ทุกคนน่าจะคิดถึงคือการท่องเที่ยวครับ และประเทศที่น่าจะเป็นที่ท่องเที่ยวที่หลายคนคิดถึงอยากไปเที่ยวที่นั้นก็คือประเทศญี่ปุ่นครับ ปัจจุบันนี้การท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นไม่ยากเหมือนสมัยก่อน สมัยนี้มีหนังสือหรือการรีวิวการท่องเที่ยวญี่ปุ่นมากมาย หนึ่งในหนังสือที่ขายดีและเป็นที่รู้จักคือ หนังสือ “เซียนคันโต”ของสำนักพิมพ์อมรินทร์ท่องโลก (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อสำนักพิมพ์เป็น Amarin Travel แล้ว)แต่ไม่ต้องแปลกใจครับ วันนี้ผมไม่มาแนะนำหนังสือ แต่จะมาแนะนำหนึ่งในนักเขียน ของหนังสือ เซียนคันโต ครับ
นักเขียนคนนี้ชื่อ พชเรศวร์ รอดเหตุภัย
ที่มาแนะนำให้รู้จักกันเพราะ น้อง พชเรศวร์ รอดเหตุภัย
เป็นนักศึกษาเรียนอยู่คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ชั้นปีที่ 4 ครับ น่าสนใจไหมละครับ เรามาทำความรู้จักน้อง พชเรศวร์ รอดเหตุภัย หรือ น้องเอมกันดีกว่าครับ
PC : ก่อนอื่นแนะนำตัวเองให้พี่ๆรู้จักน้องเอมหน่อยครับ
น้องเอม : สวัสดีครับผมชื่อ พชเรศวร์ รอดเหตุภัย ชื่อเล่น เอม
เรียนอยู่คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ชั้นปีที่ 4 ครับ
เป็นหนึ่งในผู้เขียนหนังสือท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น “เซียนคันโต” ของสำนักพิมพ์ Amarin Travel และเป็นนักเขียนบทความท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นของเว็บไซต์ th.Japantravel.com และปัจจุบันมีบล็อกท่องเที่ยวส่วนตัวอยู่ที่www.WalkWhereWorld.com ครับ
PC : น้องเอมมาเขียนหนังสือท่องเที่ยวญี่ปุ่นได้อย่างไรครับ อะไรเป็นจุดเริ่มต้น ต้องทำอะไรบ้าง ถึงจะได้ตีพิมพ์ ช่วยเล่าความยาก ง่าย การเตรียมตัวและหาข้อมูลในการเขียนหนังสือ ครับ
น้องเอม : ตั้งแต่เด็ก ผมมีความตั้งใจว่าหากโตขึ้นแล้วมีโอกาส
อยากเดินทางไปท่องเที่ยวที่ประเทศในฝัน คือ ประเทศญี่ปุ่นดูสักครั้งช่วงที่ขึ้นมัธยมปลายผมเริ่มเก็บสะสมเงินด้วยตนเองเพื่อเดินทางไปประเทศแห่งนี้ จนกระทั่งเดือนมีนาคม พ.ศ.2555 ขณะนั้นอายุ 18 ปี เพิ่งเรียนจบมัธยมปลายผมและเพื่อนจึงได้วางแผนกันไปท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น โดยตั้งใจว่าจะเดินทางไปท่องเที่ยวกันเอง (แบบแบคแพค) ไม่ใช้อินเตอร์เนตตลอดเวลาที่ท่องเที่ยว เพราะสมัยนั้นการเช่า Pocket Wifi ราคาค่อนข้างสูง ก่อนการเดินทางไปครั้งนั้นจึงเริ่มศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในประเทศนี้อย่างละเอียด ทั้งสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เวลาเปิดปิด และวิธีการเดินทางไป ผ่านทางสื่อต่างๆ ทั้ง อินเตอร์เนต หนังสือ รวมถึงสอบถามข้อมูลจากผู้ที่เคยเดินทางไปมาก่อน
ผมและเพื่อนตัดสินใจซื้อหนังสือที่มีขายอยู่ในท้องตลาดขณะนั้นพกติดตัวเดินทางไป ด้วย ด้วยความเชื่อใจว่าหนังสือที่พกไปจะสามารถพาเที่ยวได้ตลอดรอดฝั่ง แต่สุดท้ายผมกับเพื่อนก็ต้องผิดหวังเมื่อพบว่าหนังสือที่มีขายและพกไปด้วยช่วงนั้นไม่ตอบโจทย์สำหรับคนที่ต้องการเดินทางไปเที่ยวด้วยตัวเองอย่างทริปของผมเลย แม้หลายเล่มจะมีแผนที่ที่ดูแล้วเรียบง่าย บอกชื่อสถานีรถไฟที่ควรลงเมื่อไปถึงก็จริง แต่สถานที่จริงกลับไม่ได้มีสิ่งที่ควรรู้เพียงเท่านั้น รถไฟใต้ดินหนึ่งสถานีมีทางออกเป็น 20 ทาง กว่าจะหาทางออกที่ใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวที่จะไปเจอได้ ต้องใช้เวลาเดินหาค่อนข้างนาน ผมกับเพื่อนเลยลองคุยกันตอนนั้นว่า เราอยากจะลองทำคู่มือท่องเที่ยวดีๆขึ้นมาสักเล่มหนึ่ง ที่มีแผนที่แบบละเอียดแต่มองแล้วเข้าใจง่าย มีการใช้สีสัน รูปภาพ และภาพการ์ตูนเป็นสื่อทำให้คนเข้าใจสิ่งที่จะสื่อได้ชัดเจนมากกว่าการอ่านผ่านตัว หนังสือ ทันทีที่กลับมาถึงเมืองไทย เราจึงได้เริ่มต้นโปรเจคการเขียนหนังสือท่องเที่ยวขึ้น ในครั้งแรก เราตัดสินใจจะทำกันเอง จึงเริ่มหาทีมงาน สำหรับวาดการ์ตูน เขียนแผนที่ จัดรูปเล่ม รวมไปถึงหาข้อมูลเกี่ยวกับโรงพิมพ์ และจำหน่ายหนังสือด้วยตัวเอง แต่เมื่อหนังสือเสร็จถึงขั้นตอนการหาโรงพิมพ์ เราพบว่ามันไม่ง่ายเลยที่คนธรรมดาทั่วไปที่ไม่มีเงินทุนจะสามารถพิมพ์หนังสือขายได้เอง
เพราะการพิมพ์หนังสือออกมาเองเล่มหนึ่งมีต้นทุนสูงมาก และต้องเสียค่าสายส่งถึงครึ่งหนึ่งของราคาหนังสือ รวมถึงช่องทางในการจัดจำหน่ายค่อนข้างน้อย เราจึงลองเริ่มมองหาสำนักพิมพ์เพื่อนำเสนองาน “ครูปอนด์” ครูสอนภาษาจีนโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาซึ่งเป็นครูของเพื่อนผม ท่านได้แนะนำให้ลองมาเสนองานกับสำนักพิมพ์อมรินทร์ดู จากนั้นพี่ๆบก.สำนักพิมพ์อมรินทร์ท่องโลกจึงนัดเราทั้งคู่ให้เข้ามาเสนองานช่วงเดือนพฤศจิกายน ปีพ.ศ.2556 และตอบรับงานของเรา โดยให้ปรับแก้ข้อมูล แบ่งเนื้อหาออกเป็นสองเล่ม พร้อมกับปรับคอนเซ็ปต์ของรูปเล่มใหม่
ให้เป็นไปตามความต้องการของสำนักพิมพ์ โปรเจคหนังสือท่องเที่ยวญี่ปุ่นของผมจึงได้เริ่มต้นขึ้นระหว่างที่ปรับแก้งาน เดือนมกราคม ปีพ.ศ.2557 ผมส่งบทความท่องเที่ยวญี่ปุ่นประกวดผ่านทางเว็บไซต์ th.japantravel.com แล้วได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งใน 3 นักเขียน ที่จะได้เดินทางไปท่องเที่ยวญี่ปุ่นฟรีเป็นเวลา 2 เดือน ผมจึงมีโอกาสเก็บข้อมูลการท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่นละเอียดมากขึ้น เมื่อกลับเมืองไทยจึงได้เพิ่มเติมเนื้อหาพร้อมแก้ไขงานจนแล้วเสร็จ พิมพ์ออกมาเป็นหนังสือหนังสือเล่มแรก “เซียนคันโต” ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในเมืองโตเกียว และเมืองโดยรอบ เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2558 ที่ผ่านมา
PC : ทำไมต้องญี่ปุ่นครับ คิดอย่างไรกับประเทศญี่ปุ่น และ คิดอย่างไรกับช่วง2-3 ปีมานี้ คนไทยเที่ยวญี่ปุ่นเยอะมาก
น้องเอม : ถ้าถามคนไทยส่วนใหญ่ว่า Dream destination หรือประเทศในฝันของแต่ละคนคือที่ไหน ผมเชื่อว่าหลายๆคนคงมีคำตอบในใจแบบเดียวกับผม คือ “ประเทศญี่ปุ่น” ประเทศที่มีทั้งความทันสมัย สวนสนุกชื่อดังระดับโลก โบราณสถานเก่าแก่
ป่าเขาและธรรมชาติที่สวยงาม มีขนบธรรมเนียม ประเพณีที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ มีขนส่งมวลชนที่มีประสิทธิภาพครอบคลุมทั่วทุกพื้นที่ สามารถเดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวเองได้ง่าย ด้วยหลายเหตุผลทั้งหลายที่กล่าวมานี้ ผมเชื่อว่าก็น่าจะเพียงพอที่จะสนับสนุนคำถามว่าทำไมใครๆหลายคนถึงอยากเดินทางไปประเทศแห่งนี้สักครั้ง ยิ่งในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มีการยกเลิกการขอวีซ่าสำหรับคนไทยที่เดินทางไปท่องเที่ยวในระยะเวลาไม่เกิน 14 วัน มีสายการบินต้นทุนต่ำเปิดใหม่อีกหลายบริษัทพร้อมจัดโปรโมชันเดินทางไปท่องเที่ยวได้ในราคาประหยัด ยิ่งทำให้คนไทยให้ความสนใจเดินทางไปประเทศแห่งนี้เพิ่มขึ้นไปอีกผมมองกว่าการได้ออกเดินทางท่องเที่ยวเปรียบเสมือนกับได้เปิดหูเปิดตามองเห็นโลก กว้าง ได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ชีวิตที่แปลกใหม่ตามที่พบเจอ ในการเดินทางแต่ละครั้ง แต่ละคนย่อมได้แง่คิด
และมุมมองที่แตกต่างจากสิ่งที่เคยคิดหรือเคยเห็น ซึ่งอาจนำสิ่งดีๆที่ได้รับมา มาต่อยอด ปรับปรุงชีวิตตนเองและคนรอบข้าง ช่วยสร้างสังคมที่ดียิ่งขึ้น การที่คนไทยไปเที่ยวญี่ปุ่นเยอะขึ้น ก็ย่อมเป็นผลดีกับประเทศไทยได้ในอนาคตครับ
PC : น้องเอมเขียนหนังสือด้วยความชอบ เหมือนเป็นpart-time job ช่วยเล่าความสำเร็จของตัวเองในการเขียนหนังสือท่องเที่ยว
และวางแผนอะไรต่อไปครับ
น้องเอม :ปัจจุบันผมมีหนังสือคู่มือท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น “เซียนคันโต”ของสำนักพิมพ์อมรินทร์ท่องโลก เป็นผลงานล่าสุดที่สำเร็จออกมา มีจำหน่ายทั้งในรูปแบบ E-Book และสิ่งพิมพ์ จากยอดพิมพ์ครั้งแรกทั้งหมด 5,500 เล่ม สามารถจำหน่ายได้แล้วกว่า 3,000 เล่มหรือเกินครึ่งหนึ่งของยอดพิมพ์ทั้งหมดในช่วงเวลาประมาณ 7 เดือนที่ผ่านมา ช่วงที่ออกใหม่หนังสือเล่มนี้เคย ติด Top 10 Best Seller ในร้านหนังสือหลายสาขา ทั้งร้านนายอินทร์ ซีเอ็ด และบีทูเอส อีกด้วย หากมีเวลาและมีโอกาสเพิ่มเติม ผมอยากจะท่องเที่ยวและเขียนบอกเล่าประสบการณ์เพิ่มเติมนอกเหนือจากที่มี เพื่อเป็นแนวทางในการท่องเที่ยวสำหรับใครหลายๆคนที่มีความฝันและวางแผนเดินทางท่องเที่ยวด้วยตนเองเช่นเดียวกันกับผมครับ และในตอนนี้ผมก็ได้ทำเว็บไซต์ซึ่งเป็นบล็อกส่วนตัวของตัวเองขึ้นมาแม้เนื้อหาจะยังไม่เยอะมาก แต่ก็พยายามอัพเดตข้อมูลและปรับปรุงเว็บไซต์ให้ดีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆครับ ชื่อเว็บไซต์ คือ www.WalkWhereWorld.com ครับ
PC : กลับมาเล่าเรื่องการศึกษากันดีกว่าครับ ทำไมน้องเอมเลือกเรียนเภสัช ครับ
น้องเอม:ที่บ้านอยากให้เรียนในศาสตร์ที่มีวิชาชีพทางด้านการแพทย์ครับ ด้วยความที่เป็นคนนครปฐมและบ้านอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยศิลปากรทางบ้านจึงอยากให้มาสอบที่เข้าที่คณะเภสัชศิลปากรแห่งนี้ เพราะตอบโจทย์ทั้งเรื่องเป็นอาชีพที่มีเกียรติ ได้ทำงานที่เกี่ยวกับข้องสุขภาพ และใกล้บ้าน ส่วนการเรียนเกี่ยวสายทางด้านบริหารหรือท่องเที่ยว ผมมองว่าในบางครั้งการที่เราทำในสิ่งที่เรารักหรือชอบ อาจจะไม่ได้หมายความว่าต้องเรียนในศาสตร์นั้นๆก็ได้ ปัจจุบันผมตัดสินใจเลือกเดินมาเรียนในด้านวิชาชีพเภสัชกรรมแล้ว ก็จะพยายามทำหน้าที่เป็นนักศึกษาที่ดี ตั้งใจเรียนหาความรู้ทางด้านนี้ให้มากที่สุด แต่หากมีเวลาว่าง ก็จะพยายามทำงานอดิเรกที่ชอบอย่างการท่องเที่ยว
การเขียนบทความ หรือหาความรู้ในด้านที่สนใจอย่างการบริหารเพิ่มเติมไประหว่างเรียนด้วยครับ
PC : น้องเอมบอกว่า เรียนเภสัชเพราะที่บ้านสนับสนุนให้เรียน แต่เรามีความชอบด้านที่มันขัดกับวิชาชีพเภสัชที่เรากำลังศึกษา พี่ขอมุมมอง สำหรับพ่อแม่ยุคใหม่ถ้าลูกเลือกเรียนที่พ่อแม่สนับสนุน แต่ลูกก็ชอบในอีกด้าน ทำอย่างไรให้ ทำให้สำเร็จได้ทั้งสองอย่าง ครับ
น้องเอม : ผมคิดว่าเราต้องรู้จักแบ่งเวลา จัดลำดับความสำคัญของสิ่งต่างๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเราให้เหมาะสม มีความตั้งใจทำในสิ่งที่ตนเองตั้งเป้าหมาย ทั้งในเรื่องการเรียนหรือความชื่นชอบ คนเรามีเวลาเท่ากัน 24 ชั่วโมง อยู่ที่ว่าใครจะจัดสรรเวลาอย่างไรให้เกิดผลประโยชน์กับตัวเรามากที่สุดครับ
PC : หลังจากจบเภสัช วางแผนอะไรในวิชาชีพ อยากทำอะไรครับ
น้องเอม : ตอนนี้ผมยังได้วางแผนเลือกจริงจังว่าอยากจะเรียนในสาขาวิชาไหน อยากลองเรียนให้ครบก่อนแล้วค่อยตัดสินใจเลือกเมื่อถึงเวลาจริงตอนจบชั้นปีสี่ แต่คิดว่าหลังจากที่เรียนจบแล้ว
อยากจะทำงานในสายงานวิชาชีพเภสัชกรรมไปพร้อมกับทำงานในสิ่งที่ชอบเช่นการท่องเที่ยว ถ่ายภาพ และเขียนบทความครับ
PC : อยากฝากอะไรกับพี่ๆเพื่อนๆวงการยาที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวโดยเฉพาะญี่ปุ่น
น้องเอม : ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ค่อนข้างปลอดภัย อาหารอร่อยรสชาติถูกปากคนไทย มีธรรมชาติที่สวยงาม เทคโนโลยีที่ทันสมัย การคมนาคมครอบคลุมและสะดวกสบาย สามารถเที่ยวด้วยตัวเองได้ง่าย สำหรับพี่ๆ หรือ เพื่อนๆ ที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวด้วยตัวเอง ผมอยากแนะนำให้ลองหาโอกาสสักครั้งในชีวิตมาท่องเที่ยวที่ประเทศแห่งนี้ครับ โดยเฉพาะภูมิภาคอย่าง “คันไต” และ “คันไซ” ที่มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจ รวมถึงสวนสนุกชื่อดังมากมาย สำหรับใครที่กำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่นเพิ่มเติม สามารถสอบถามผมได้นะครับ ยินดีและพร้อมให้คำปรึกษาเต็มที่ครับ :]
สุดท้ายนี้ผมขอฝากหนังสือ “เซียนคันโต” และ “เซียนคันไซ” (เร็วๆนี้ ปี 2016) และบล็อกท่องเที่ยวของผมไว้กับทุกคนด้วยนะครับ เข้าไปติดตามผลงานอ่านบทความใหม่ๆกันได้ที่ www.WalkWhereWorld.com หรือ
Facebook ค้นหาคำว่า “Walkwhereworld” แล้วกดถูกใจเพื่อติดตามครับ ขอบคุณครับ
PC : ขอบคุณน้องเอมมากนะครับ สำหรับแง่คิดดีๆ ให้กับพี่ๆในวงการยานะครับ น้องเอมแสดงให้เราเห็นว่า การทำงานกับสิ่งที่เราชอบมันได้ทั้งเงินและความสุขจริงๆครับ แต่บางครั้งการทำงานอาจจะไม่สุขทุกครั้ง เราก็พยายามมองหาข้อดีในการทำงานของพวกเราแล้วกันครับ เพราะเราเปลี่ยนอะไรไม่ได้หรอกครับมันยาก นอกจากเปลี่ยนวิธีคิดของตัวเองครับ ง่ายและสบายกว่ากันเยอะครับ ขอบคุณครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น