อ.หนง อสังหาริมทรัพย์


สวัสดีพี่ๆน้องๆในวงการทุกท่านนะครับ เข้าสู่วันสุดท้ายของการขายในปี2015นี้นะครับ ก็ขอให้ทุกท่านโชคดี ปิดได้ ขายถึง กันทุกท่านนะครับ หลังจากที่เราได้คุยกับ น้องเจลไปเรียบร้อยนะครับ กระแสตอบรับดีและหลายคนเกิดแรงบันดาลใจในการหาPassive Income กับเค้าบ้างนะครับ วันนี้ครับเรามาพบกับ อีกท่านนึงครับ ส่วนจะเป็นใครและเชี่ยวชาญเรื่องไหนนั้นมาลองติดตามกันครับ กับ ภญ. เด่นใจ บัวทุม ครับ



PC : สวัสดีครับ ช่วยแนะนำตัวเองทีครับ

น้องหนง : สวัสดีค่ะ ชื่อ หนง นะคะ ภญ. เด่นใจ บัวทุม รหัสเข้าเรียนคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัย อุบลราชธานี รหัส 50 ค่ะ ตอนนี้ก็อายุ 27 ปีพอดี เกิดในครอบครัวชาวนาค่ะ พ่อแม่เป็นชาวนา ภูมิลำเนาจังหวัดอุบลราชธานีค่ะ ปัจจุบันหนงเป็นอาจารย์คณะเภสัชศาสตร์ ที่ มหาวิทยาลัย อุบลราชธานี และศึกษาปริญญาเอกด้านสาขาการบริบาลเภสัชกรรมในผู้ป่วยโรคหัวใจ และยังมีงานบรรยายวิชาการเรื่องยากับการดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจด้วยค่ะ

PC : ฟังดูยากจังครับ ช่วยบอกเนื้องานอาจารย์เภสัชกับงานการเรียนหลักสูตรวุฒิบัตรที่เรียนอยู่ รวมถึงบทบาทเภสัชกับโรคหัวใจ ครับ

น้องหนง : หลักสูตรที่หนงเรียนอยู่นั้น มีชื่อเต็มว่า วุฒิบัตรแสดงความรู้ความชำนาญในการประกอบอาชีพเภสัชกรรม สาขาการบริบาลเภสัชกรรมในผู้ป่วยโรคหัวใจค่ะ ซึ่งเป็นหลักสูตรที่ค่อนข้างใหม่และยังไม่เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย เราจะเรียกคนที่เรียนหลักสูตรนี้ว่า "เภสัชกรประจำบ้าน" หรือ "Pharmacy resident" ค่ะ ปัจจุบันมีผู้สำเร็จหลักสูตรนี้และกำลังอยู่ในระบบประมาณ 100 คนค่ะ
ลักษณะการเรียนการสอนจะเป็น Practice base คือ เน้นการปฏิบัติงานจริง โดยมีอาจารย์ผู้มีความรู้ความชำนาญเป็น mentor เน้นการประยุกต์ใช้และต่อยอดความรู้ทางคลินิกที่ได้ร่ำเรียนมาเพื่อดูและผู้ป่วยและประสานงานกับสหสาขาวิชาชีพ รวมทั้งการทำวิจัยเพื่อค้นหานวัตกรรมใหม่ๆจากงานประจำที่ทำอยู่ การคิด วิเคราะห์ และริเริ่มโครงการต่างๆที่เป็นประโยชน์แก่ประชาชนโดยเภสัชกรร่วมกับสหสาขาวิชาชีพค่ะ
เมื่อจบแล้ว ก็จะได้รับรองวุฒิบัตร เทียบเท่าปริญญาเอก (ซึ่งอัตราเงินเดือน ก็จะเทียบเท่าปริญญาเอกเช่นกันค่ะ) หนงชอบการเรียนในหลักสูตรนี้มาก เพราะเมื่อจบไปแล้ว สามารถนำความรู้ไปปฏิบัติงานได้จริงค่ะ
และหนงยังมีงานด้านการเป็นวิทยากร คนที่มีความชอบทางด้านเภสัชกรรมคลินิก ได้ดูแลผู้ป่วย ได้ประสานงานกับสหสาขาวิชาชีพ และชอบสอน ชอบพูดชอบคุยค่ะ หนงมักจะคิดว่า หากเราเก็บความรู้ไว้คนเดียว ก็จะมีแค่คนไข้ที่มาเจอเราเท่านั้นที่ได้รับประโยชน์จากเรื่องที่เรารู้ แต่หากเราได้มีโอกาสสอนคนอื่น จะมีผู้คนอีกมากมายนำความรู้ที่ได้ไปต่อยอด และดูแลผู้ป่วยต่อไปค่ะ

PC : นอกจากการเป็น อาจารย์ แล้ว เห็นว่าน้องหนงยังมาทำอสังหาริมทรัพย์ด้วย ทำไมถึงเลือกมาทำอสังหาริมทรัพย์ครับ

น้องหนง : ครอบครัวหนงเป็นชาวนาตั้งแต่เริ่มต้น แต่ช่วงที่หนงอายุประมาณ 6 ขวบ พ่อกับแม่ไปทำธุรกิจค่ะ ตอนนั้นขายอุปกรณ์การเกษตร ก็ถือว่าประสบความสำเร็จมาก หนงก็จากเด็กบ้านนอก กลายเป็นลูกคุณหนูไปชั่วพริบตา แต่หลังจากนั้นช่วงที่หนงอยู่ ม.ปลาย ธุรกิจก็ประสบปัญหา และพ่อก็ติดหนี้หลายล้านเลยค่ะ
แต่แล้วก็ มีที่ดินแปลงหนึ่งที่พ่อได้ซื้อเอาไว้ ที่เพิ่มมูลค่ามากเสียจนทำให้ครอบครัวเรารอดพ้นวิกฤต และพ่อก็ไม่ถูกฟ้องล้มละลาย หนงตระหนักในตอนนั้นถึงศักยภาพของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่นับวันมีแต่จะเพิ่มมูลค่าขึ้นเรื่อยๆ  แม้จะไม่ถูกฟ้องล้มละลาย แต่ตอนนั้นก็หมดตัวเลยคะ ไม่เหลือสมบัติอะไร แม้แต่เพื่อนก็ไม่เหลือ คนสนิทกลายเป็นคนแปลกหน้าเพราะกลัวแต่ว่าเราจะไปยืมเงิน พ่อแม่ต้องกลับไปเป็นชาวนาอีกครั้ง หนงเห็นภาพทุกอย่าง มันเจ็บปวดมากๆจริงๆ หนงทนเห็นพ่อแม่ลำบากจนเป็นความคิดฝังใจว่าวันหนึ่งต้องเป็นเศรษฐีให้ได้ เป้าหมายของหนงในตอนแรกไม่ได้คิดว่าจะมาไกลขนาดนี้ ไม่เคยอยากจะมีสิบล้านร้อยล้าน หนงแค่คิดว่า อยากทำให้พ่อแม่สบาย ที่ดิน บ้าน รถ อยากให้ทุกอย่างกลับมา คิดแค่นั้นจริงๆ และนั่นก็เป็นแรงผลักดันที่ดีมาก
วันนึงมีเพื่อนคนหนึ่งเข้ามา เป็นเพื่อนเก่าที่เรียนต่างคณะสมัยมหาลัย มายืมเงินเพื่อเอาไป “รับขายฝากที่ดิน” ในตอนนั้นหนงไม่รู้อะไรมาก ซื้อหนังสือมาอ่านเป็นสิบๆเล่มก็ไม่กระจ่าง แต่ก็กู้เงินมาก้อนหนึ่ง ห้าแสนบาท แล้วลงไป หนงอยากจะบอกว่า วิธีเดียวที่เราจะเชี่ยวชาญได้ คือการลงมือค่ะ ... จากวันนั้นจนถึงวันนี้ก็ สองปีกว่าๆแล้วค่ะ หนงก็สามารถเอาทุกอย่างกลับมาให้พ่อแม่ได้ ทั้งบ้าน รถ ที่นา ที่ดินเปล่า มีทั้งแบบซื้อเก็บไว้เก็งกำไร ซื้อเก็บไว้ดูเล่น ซื้อไว้เพราะมันเป็นสถานที่แห่งความทรงจำ ... มานับๆดูก็หลายล้าน แถมยังมีเงินหมุนในระบบที่สร้าง passive income ให้หนงได้อีก

PC : ฟังดูแล้วน่าสนใจดีนะครับ ว่าแต่น้องหนง ทำอะไรบ้างเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ พอทำแล้ว เจออุปสรรค สิ่งท้าทาย อะไรบ้างครับ

น้องหนง : หลักๆเลย หนงจะซื้อที่ไว้ขาย ซื้อจากที่หลุดจำนอง ขายฝาก เพราะราคามันจะถูกกว่าท้องตลาดค่ะ เรามี connection มีทีมงาน เรารู้ที่ตรงไหนจะขาย เรารู้กลุ่มเป้าหมาย เราขายได้ ส่วนนี้เป็นส่วนหลักที่ทำกำไรให้หนงค่ะส่วนที่สร้าง passive income คือ การรับจำนอง-ขายฝาก ด้วยตัวเองค่ะ แบบนี้เราไม่ต้องวุ่นวายมาก นั่งอยู่เฉยๆก็ได้เงิน แต่ต้องดูอสังหาริมทรัพย์ให้เป็น ไม่เช่นนั้นก็เจ๊งเอาได้ง่ายๆค่ะ
อีกอย่างคือ การเป็นนายหน้า การเป็นนายหน้านี่ต้องเจ๋งพอสมควรนะคะ เพราะนายหน้า ก็ต้องดิวกับนายหน้าอีกต่อหนึ่ง ประมาณโบรคเกอร์ ที่รวบรวมเงินของคนอื่นๆมาทำให้เขา แล้วการันตีผลกำไร เพราะหนงดูที่เป็น รู้ว่าแบบไหนจะกำไรขาดทุน คนไม่มีความรู้ แต่อยากลง ก็แค่เอาเงินมาให้หนง แล้วรอรับผลกำไรค่ะ

PC : ดูจากที่น้องหนงเรียนมา มันดูเป็นคนละแนวทางกันเลยนะครับ ระหว่าง เภสัช กับ การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เภสัชกรกับอสังหามันเกี่ยวกันอย่างไรในส่วนตัวหนง.

น้องหนง : ความจริงแล้วในเชิงธุรกิจมันไม่เกี่ยวข้องกันเลยค่ะ ก็เหมือนกับที่เภสัชกรหลายๆท่านไปเทรดหุ้นกันจนรวย แต่การที่เราเป็นเภสัชกรเราจะได้ความเชื่อใจ ทั้งจากลูกค้าและนายหน้า เราไม่มีวันโกงเขาแน่ๆ เราหนีไปไหนไม่ได้แน่ๆ เราโกหกใครไม่ได้แน่ๆ เราตามตัวง่าย เอาชื่อไปเสิชในกูเกิ้ลก็รู้แล้ว ไปถามหาที่โรงพยาบาลก็เจอแล้ว หน้าที่การงานมันทำให้เราทำงานง่าย และมีคนไว้เนื้อเชื่อใจและให้เกียรติค่ะ

PC : น่าสนใจดีนะครับ ฝากน้องหนงบอกkey success factor ของการทำอสังหาริมทรัพย์ให้ฟังหน่อยสิครับ

น้องหนง : ใจรักค่ะ เลิกงานทุกวันหนงขับรถเล่น ดูที่ดูทาง ป้ายประกาศขายหนงจะโทรถาม แล้วก็คิดว่ามันถูกหรือแพง มันเป็นไปได้ไหม แถวนี้ให้เช่าเท่าไหร่ บ้านแถวนี้ซื้อขายเท่าไหร่ ที่นาแถวนี้ไร่ละเท่าไหร่ (แนะนำว่าไปถามราคาจากชาวบ้านจะได้ราคาจริง ไม่ใช่ราคาที่นายหน้าเสนอ) อีกอย่างคือ connection สิ่งนี้สำคัญ

PC : คิดอย่างไรกับวงการอสังหาฯ ทุกวันนี้ มีข้อเสนอแนะอะไรกับคนที่ต้องการลงทุนด้านอสังหาแม้ในแง่เพื่อสินทรัพย์ส่วนตัวอยู่เองหรือเก็งกำไร

น้องหนง : หลายๆท่านมองว่ามัน Over supply ค่ะ คืออาคารพานิชย์ คอนโด และที่อยู่อาศัยมันมีมากเกินจำนวนคนซื้อ แต่เชื่อหนงเถอะค่ะ ตราบใดที่ทำเลดี คุณก็รอด และสิ่งสำคัญไม่ใช่อสังหามากไปหรอกนะคะ สิ่งที่ทำให้บ้านขายไม่ค่อยจะออกอยู่ตอนนี้คือ “คนกู้ไม่ผ่าน” ต่างหากค่ะ ซึ่งสาเหตุก็อาจจะมาจากทางธนาคารเองที่ปล่อยยากขึ้นเนื่องจากมีหนี้เสียมาก หรือผู้บริโภคเองที่ติดบูโรกัน มีหนี้เสียอยู่แล้ว ผู้ที่คิดจะซื้อไว้เพื่อขายให้ดูความเป็นไปได้ของราคาซื้อ ราคากู้ คิดเสมอว่า เขาต้องเงินเดือนเท่าไหร่ เขาถึงจะผ่อนบ้านราคานี้ได้
ส่วนการเก็งกำไร ให้คิดไว้เสมอว่า เราต้องได้กำไรเมื่อซื้อค่ะ ไม่ใช่รอกำไรตอนขาย เช่น บ้านราคาประเมิน 2 ล้านบาท เราซื้อได้ 1.7 ล้านบาท แสดงว่าเราซื้อได้กำไร 3 แสนบาท ทันที เป็นต้นค่ะ แต่ถ้าคิดว่า บ้านราคา 2 ล้าน เราซื้อได้ 2 ล้าน ปีหน้าจะขาย 2.3 ล้าน แบบนี้มีสิทธิ์เจ๊งค่ะ

PC : วางแผนอนาคตตัวเองอย่างไรบ้างครับ

น้องหนง : อยากมีที่ดินแปลงสวยๆสักพันไร่ และก็ passive income 7 หลักค่ะ ควบคู่กับการจบหลักสูตรวุฒิบัตร ใส่ครุยแดงให้พ่อแม่และอาจารย์ผู้อุตส่าห์ปลุกปั้นมาได้ภูมิใจ แล้วจะอุทิศตนเพื่อการสอน ทั้งในแง่ของการสอนการบริบาลเภสัชกรรมโรคหัวใจ และสอนเรื่องการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ค่ะ

PC : อยากฝากอะไรกับคนวงการยาเรื่องอสังหาริมทรัพย์
น้องหนง : จริงๆเรื่องอสังหาริมทรัพย์มีอะไรหลายอย่างมาก ต้องศึกษาข้อมูลหลายด้าน แต่ทุกอย่างไม่ยากเกินเรียนรู้ค่ะ สุดท้ายขอฝากเพจตัวเองน่ะค่ะ อยากได้ความรู้เรื่องอสังหาริมทรัพย์ เชิญที่เพจ Easy Estate by Denjai/อสังหาเรื่องง่าย โดย ภญ.เด่นใจ ได้เลยค่ะ ขอบคุณค่ะ

PC : ขอบคุณน้อง หนง มากนะครับ ที่วันนี้มาให้มุมมองและแนวคิดดีๆในการลงทุน ทั้งลงทุนกับตัวเองและลงทุนในด้านอสังหาริมทรัพย์ น้องๆผู้แทนที่ขับรถทุกวันน่าจะได้เปรียบในการมองเรื่องของทำเลนะครับ ของดีราคาถูกมีทุกที่ครับ ถ้าเรารู้จักและศึกษามันอย่างจริงจังครับสำหรับวันนี้ขอบคุณมากครับ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ทฤษฎีโครงสร้างการเล่าเรื่อง (Storytelling)

น้องตูน MSL

ตัวอย่าง Cover Letter ที่ถูกต้อง