น้องเจน เพจภาษาอังกฤษกับเภสัชกร


สวัสดีปีใหม่ 2559 แก่แฟนเพจทุกท่านนะครับ หวังว่าปีนี้จะเป็นปีที่ดีสำหรับเพื่อนๆพี่ๆน้องๆทุกท่านนะครับ ผมเชื่อแน่ว่า หลายๆคนชอบไปเที่ยวต่างประเทศ หรือ อาจจะอยากไปอยู่ที่โน่นเลยก็คงมีนะครับ แต่ความเป็นจริงมันก็แลดูยาก แล้วยิ่งไปทำงานเป็นเภสัชที่ต่างประเทศด้วยน่าจะยากเป็นหลายเท่าเลยทีเดียวนะครับ วันนี้บรัษัท PharmConnection จำกัด มาแนะนำ ภก.จิระ อภิญญาวาท หรือ น้องเจน นะครับ น้องเจนมีความสามารถหลากหลายมาก เรามารู้จักน้องเจนกันดีกว่าครับ



PC : สวัสดีครับ น้องเจนช่วยเล่าประวัติตัวเอง การศึกษา การงานปัจจุบันครับ

น้องเจน : สวัสดีครับ ผมชื่อภก.จิระ  อภิญญาวาท เป็นคนนครสวรรค์ หลังเรียนจบมัธยมปลายที่โรงเรียนนครสวรรค์ก็สอบเข้ามหาวิทยาลัยและได้ไปเรียนคณะเภสัชศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยศิลปากร พอเรียนจบปริญญาตรีก็กลับมาทำงานใช้ทุนรัฐบาลที่โรงพยาบาลชุมแสง จ.นครสวรรค์ เป็นรพ.ชุมชนขนาด 30 เตียง(ในตอนนั้น) โชคดีมากที่ทีมแพทย์ พนักงานและเจ้าหน้าที่ทุกคนอยู่กันอย่างอบอุ่น ผมจึงได้มีโอกาสทำงานด้านเภสัชกรรมคลินิกและได้เรียนรู้งานเภสัชเกือบทุกด้านจากหัวหน้าและรุ่นพี่เภสัชที่นี่ครับ พอทำงานได้สองปีก็มีความคิดอยากไปศึกษาต่อต่างประเทศ ตอนนั้นเลือกไปประเทศอเมริกาเพราะผมได้ไปสอบวัดความรู้เภสัชที่นั่นก่อนหน้านี้ แล้วปรากฏว่าสอบผ่าน เห็นว่าตนน่าจะมีโอกาสได้ทำงานเป็นเภสัชกรที่นั่นและได้ไปเรียนปริญญาโทด้วยเหมือนยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว จบปริญญาโทก็ทำงานเป็นเภสัชกรที่โรงพยาบาล Munson Medical Center ในรัฐมิชิแกน ก่อนที่จะตัดสินใจกลับมาทำงานในประเทศไทยเนื่องจากต้องการกลับมาดูแลคุณพ่อคุณแม่ โดยผมได้รับโอกาสให้ไปทำงานเป็นอาจารย์เภสัชกรที่มหาวิทยาลัยบูรพาภาควิชาเภสัชกรรมคลินิก และมีงานเสริมเป็นการสอนภาษาอังกฤษให้กับนักศึกษาเภสัชศาสตร์ ทำอยู่ประมาณหนึ่งปีก่อนที่จะย้ายกลับภูมิลำเนาเดิม ปัจจุบันผมเปิดโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษ English Corner สาขานครสวรรค์, ทำงานด้านอสังหาริมทรัพย์, เป็นเภสัชกรพาร์ททามส์ร้านยาชุมชน, เป็นวิทยากร/อาจารย์พิเศษตามสถาบันต่างๆ และเวลาว่างก็จะใช้เวลากับเพจภาษาอังกฤษกับเภสัชกรครับ

PC : สงสัยครับ จบเภสัชทำไมเจนเลือกเรียนต่อปริญญาโท Business IT และทำไมต้องที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ครับ

น้องเจน : ที่ผมเลือกต่อโทด้าน Business IT เป็นเพราะความชอบส่วนตัวและยังเล็งเห็นว่าวิชาชีพเภสัชมีความเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นร้านยาหรือโรงพยาบาล ตั้งแต่การวางระบบการกระจายยา การสั่งยา การจ่ายยา ผมเลยคิดว่าความรู้ตรงนี้น่าเป็นส่วนที่เราสามารถนำไปต่อยอดได้ในอนาคตไม่ว่าจะเป็นการทำงานกับองค์กรต่างๆหรือแม้แต่การเปิดกิจการส่วนตัวครับ นอกจากนี้การเรียนธุรกิจยังเปิดโลกทรรศน์ของผมอีกด้วย เพราะผมได้เจอกับเพื่อนในคลาสที่ทำอาชีพที่หลากหลาย ทำให้โลกของเรากว้างขึ้นและมีการมองธุรกิจที่รอบคอบมากขึ้น
ส่วนที่เลือกประเทศอเมริกาจริงๆก็เพราะยังไม่เคยไปและผมผ่านการสอบวัดความรู้เภสัชที่นั่นก่อนหน้า และส่วนหนึ่งก็เกิดจากความประทับใจในอาจารย์เภสัชกรไทยที่ได้ไปเรียนจบหลักสูตร PharmD ที่นั่น เป็นรุ่น ผศ.ดร.ภก.ปรีชา มนทกานติกุล และดร.ภญ.น้ำฝน ศิวะนาวินทร์น่ะครับ เพราะรู้สึกว่าพวกพี่ๆเขาเก่งมากและพวกเขาได้กลับมาช่วยปรับเปลี่ยนการทำงานของเภสัชกรไทยในโรงพยาบาล เปิดงานด้านการบริการผู้ป่วยและทำงานคลินิกเชิงรุกครับ จุดนี้ทำให้รู้สึกว่าเภสัชกรที่อเมริกาเท่ห์มากๆเลยครับ

PC : ทราบมาว่าหลังเรียนจบเจนได้ทำงานด้านเภสัชกรรมคลินิกในโรงพยาบาลที่อมริกา อยากทราบว่าเจนไปทำได้อย่างไร ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง

น้องเจน :จริงๆก็ไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้ทำงานเป็นเภสัชกรที่นั่นนะครับเพราะขั้นตอนมันเยอะมากและการสอบก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด ขั้นตอนจริงๆก็เป็นตามลำดับเลยครับคือเริ่มจากการสอบเทียบความรู้เภสัชกรต่างชาติ (FPGEE) จากนั้นก็สอบ TOEFL วัดความรู้การใช้ภาษาอังกฤษ โดยสมัยนั้นเป็นแบบ computer based test และยังไม่มีพาร์ทสอบพูด ผมก็ต้องไปสอบ TSE เพื่อวัดความสามารถในการพูดภาษาอังกฤษด้วย เสร็จครบขั้นตอนต่อไปก็ฝึกงาน สอบใบประกอบโรคศิลปะ และสอบกฎหมายทางเภสัชกรรมครับ ดูเหมือนจะเป็นขั้นตอนตรงไปตรงมาแต่เอาจริงมันก็มีเสียเวลาไปบ้างไม่เป็นไปตามที่วางแผนไว้ครับ แต่สุดท้ายก็ทำทุกขั้นตอนครบจนได้เป็นเภสัชกรที่นั่นในที่สุด นับว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆครับ แต่ถ้าใครสนใจจะไปสอบแนะนำให้เตรียมตัวล่วงหน้าดีๆนะครับจะได้ไม่เสียเวลาและค่าใช้จ่ายมาก อย่างไรก็ตามต้องมีการต่อใบประกอบโรคศิลปะด้วยน่ะครับ ซึ่งกำหนดความถี่จะขึ้นกับแต่ละรัฐในอเมริกาครับ

PC : การที่คนต่างชาติไปประกอบวิชาชีพ โดยเฉพาะวิชาชีพเภสัชในอเมริกามีข้อได้เปรียบเสียเปรียบอะไรบ้าง อุปสรรค การแก้ปัญหา อยากให้เจนแชร์ประสบการณ์ ให้คนที่สนใจอยากไปทำได้ทราบครับ

น้องเจน : ประเทศอเมริกาเป็นประเทศที่ค่อนข้างเสรีและมีคนหลากหลายเชื้อชาติอยู่แล้วผมจึงคิดว่าการปรับตัวไม่น่าจะยากสำหรับหลายๆคน ตัวผมเองก็ได้ทำงานในโรงพยาบาลขนาด 400 เตียงที่มีเภสัชกรทำงานกว่า 60คน แม้จะเป็นเภสัชกรคนไทยเพียงคนเดียวหรือจริงๆก็คือเป็นเภสัชกรต่างชาติเพียงคนเดียวในโรงพยาบาลแต่การทำงานก็ค่อนข้างโอเค ข้อเสียเปรียบเด่นๆก็คงเป็นเรื่องการใช้ภาษาเพราะต่อให้ดีอย่างไรก็สู้เจ้าของภาษาไม่ได้อยู่แล้ว แต่พอทำงานไปสักระยะก็ไม่มีปัญหาครับเพราะการทำงานเราเน้นที่ผลงานที่ออกมา และการสื่อสารก็สามารถฝึกฝนให้ดีขึ้นได้ ตัวผมเองยังได้ไปทำงานเป็นวิทยากรให้ความรู้ในคลินิกบำบัดผู้ป่วยที่ติดแอลกอฮอล์และยาเสพติดเลยครับคนไข้ก็ฟังรู้เรื่องคุยกันได้อยู่นะครับ ข้อได้เปรียบคงเป็นความโดดเด่นเพราะมีเราหัวดำอยู่คนเดียว แต่ทั้งนี้ขึ้นกับเมืองแต่ละเมืองนะครับ ถ้าเป็นชิคาโก หรือลอสแองเจลิส คนเอเซียมีมาก แพทย์ พยาบาล มาจากไทย เวียดนาม อินเดีย หรือฟิลลิปปินส์เต็มไปหมดครับ เมือง Traverse City, Michigan ที่ผมอยู่เป็นเมืองขนาดกลางประชากรส่วนมากเป็นคนอเมริกันผิวขาว ผมจึงเป็นที่จดจำได้ง่ายของทุกคนในโรงพยาบาล

PC : ตอนนี้น้องเจนเปิดโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษใช่ไหมครับ อยากทราบว่ามาทำได้อย่างไร อะไรเป็นแรงบันดาลใจ

น้องเจน : ผมเชื่อว่าการเรียนรู้ด้านภาษาเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆสำหรับทุกคน แต่ในบ้านเรายังไม่มีโรงเรียนสอนภาษาดีๆโดยเฉพาะในต่างจังหวัด จึงอยากทำโรงเรียนที่เน้นการสอนแบบที่ผู้เรียนสามารถนำไปใช้ได้จริง ไม่เหมือนกับประสบการณ์ที่ผมเคยเรียนตอนเป็นเด็กที่เป็นการเรียนการสอนแบบเน้นเพื่อการสอบพอเจอเหตุการณ์จริงกลับนำมาใช้ไม่ได้เลย พอเปิดโรงเรียนก็พบว่าเราได้เจอนักเรียนที่หลากหลายมากตั้งแต่เด็กประถมที่เรียนเพื่อเตรียมตัวไปเรียนต่อไฮสคูลที่อเมริกา เจ้าของธุรกิจที่เรียนเพื่อทำการค้าระหว่างประเทศ หรือพยาบาลที่เรียนเพื่อนำไปใช้สื่อสารกับคนไข้ต่างชาติที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ ไปจนถึงสาวๆที่เรียนเพราะพบรักกับชาวต่างชาติ พอผมเปิดคอร์สเพื่อการสื่อสารจึงเหมือนเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ของคนที่ต้องการใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตของเขาจริงๆ พอได้เห็นบรรดานักเรียนประสบความสำเร็จในการนำสิ่งที่ผมสอนไปใช้แล้ว ผมก็รู้สึกว่านี่ล่ะสิ่งที่เราต้องการจะทำ

PC : ในความคิดน้องเจน มองว่าภาษาอังกฤษสำคัญมากในระดับไหนกับเภสัชกรไทยปัจจุบัน

น้องเจน : สำคัญมากครับ และผมเชื่อว่าเภสัชกรทุกคนก็คงเห็นถึงความสำคัญนี้ จากชาวต่างชาติที่เข้ามาในบ้านเราที่เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนักท่องเที่ยว นักธุรกิจ และคนที่ต้องการเข้ามาทำงานหรือใช้ชีวิตหลังเกษียณ ถ้าเราสามารถใช้ภาษาอังกฤษช่วยในการสื่อสารได้จะเป็นประโยชน์กับทั้งตัวผู้ที่มารับบริการและตัวเราเอง ภาษาอังกฤษยังไม่น่าจะพอด้วยซ้ำครับผมคิดว่าภาษาที่สามที่เภสัชกรที่มีเวลาว่างหรือสนใจจะเรียนรู้ควรจะเป็นภาษาจีนไปเลยครับ ได้ประโยชน์แน่นอน

PC : จริงๆ บางคนทำงานที่ต้องติดต่อกับต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบ teleconference การโต้ตอบเมล์ การประชุมต่างประเทศ เป็นต้น เราก็ได้ใช้ภาษาอยู่แล้ว ถ้ามองว่าการเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด น้องเจนจะแนะนำอะไร ในการฝึกภาษาอังกฤษเพิ่มเติม

น้องเจน : แนะนำให้เรียนจากสิ่งที่เราชอบก่อนเลยครับ ดูหนัง ฟังเพลง หากิจกรรมต่างๆที่ชอบแล้วทำเป็นภาษาอังกฤษให้หมดครับ หลายคนมีอินเตอร์เนตดังนั้นโลกทั้งใบอยู่แค่ปลายนิ้วคุณครับ อย่าใช้แต่ด้านบันเทิงอย่างเดียว ใช้หาความรู้และกิจกรรมสร้างสรรค์ได้เยอะแยะครับ เวลาเล่นเฟสบุ๊คก็ไปกดเพจที่เกี่ยวกับการเรียนภาษาอังกฤษและเพจข่าวสารที่เป็นภาษาอังกฤษได้นะครับ เพจภาษาอังกฤษกับเภสัชกรก็เป็นอีกที่ที่มีไว้ให้เภสัชกรไทยเรียนรู้และแชร์ความรู้กันครับ ส่วนเรื่องการอ่านถ้าอยู่กรุงเทพผมแนะนำ BK Magazine ครับเป็นแมกกาซีนแจกฟรีของเครือ BangkokPost อ่านไปได้ความบันเทิงและความรู้ดีๆครับ วิดีโอดีๆในยูทูปก็มีอยู่เยอะครับ ส่วนตัวผมชอบ Ted Talks ที่ผุ้บรรยายจะเน้นให้แนวคิดและข้อคิดดีๆกับผู้ฟังอยู่เสมอ

PC : มองอนาคตตัวเองไว้อย่างไรบ้าง มีความมุ่งหวังอะไรกับภาษาอังกฤษกับเภสัชกร และอยากฝากอะไรกับพี่ๆน้อง วงการยาครับ

น้องเจน :อนาคตอยากเห็นตัวเองทำงานที่ทำแล้วมีความสุขและเป็นประโยชน์กับคนส่วนมากครับ ตัวผมเองมีโอกาสได้ไปเห็นและได้ไปทำงานที่หลากหลายจึงอยากเป็นส่วนหนึ่งในการทำให้คนอื่นๆได้ทำในสิ่งที่อยากจะทำและการให้ความรู้ด้านภาษาอังกฤษก็น่าจะเพิ่มโอกาสให้พวกเขาได้ครับ ส่วนงานทางด้านเภสัชก็ยังมีโอกาสโตและก้าวหน้าได้อีกเยอะมาก วิชาชีพเภสัชกรเป็นสิ่งที่ผมรักและผูกพันธ์ยังไงถ้ามีโอกาสคงได้ทำสิ่งใหม่ๆที่เป็นประโยชน์ให้กับวงการแน่นอนครับ ตอนนี้ก็ทำเพจ ภาษาอังกฤษกับเภสัชกร เพื่อใช้เป็นที่แลกเปลี่ยนความรู้และเทคโนโลยีต่างๆที่เกี่ยวข้องกับวิชาชีพเภสัชกร ผมหวังให้เพจนี้เป็นแหล่งให้ความรู้กับเภสัชกรไทยเพื่อนำไปใช้พัฒนาตนเองหรือจุดประกายความคิดที่เป็นประโยชน์กับคนไทย
สุดท้ายผมอยากฝากข้อคิดสั้นๆไว้ว่า “ถ้าจะทำอะไรจงเริ่มทำตั้งแต่วันนี้ อุปสรรคคือความท้าทาย ผลลัพธ์ที่ได้จะกลายเป็นเครื่องพิสูจน์ตน” ครับ

PC : ขอบคุณน้องเจนมากนะครับที่มาแชร์ประสบการณ์ดีๆในต่างแดน ภาษาอังกฤษจริงๆอยู่ไม่ไกลตัวพวกเราเลยครับ หลายๆคนที่เก่งๆแต่พลาดโอกาสในชีวิตเพราะภาษาอังกฤษนี่แหละครับ มีเวลาอย่าลืมเสริมทักษะภาษาบ้างก็ดีนะครับ สำหรับวันนี้สวัสดีครับ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ทฤษฎีโครงสร้างการเล่าเรื่อง (Storytelling)

ตัวอย่าง Cover Letter ที่ถูกต้อง

น้องตูน MSL